การดูแลรถยนต์ของคุณให้สามารถใช้งานได้นาน ๆ มีหลากหลายมีวิธีเป็นอย่างมาก บางครั้งคุณก็ศึกษามันมาจากอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามผู้ที่เคยใช้รถยนต์มาก่อนเรา แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คนอื่นบอกกับคุณจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดหรือไม่ อย่างเช่น 4 เรื่องที่ใครหลายคนเข้าใจผิดต่อไปนี้
1. จอดรถใต้ต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา
ดูแล้วเหมือนจะเป็นวิธีดูแลรถที่ถูกต้อง และมีใครหลายคนทำกันอย่างมากมาย แต่ถ้าต้องจอดนานข้ามวัน แนะนำให้ตรวจสอบพื้นถนนก่อนว่ามีร่องรอยขี้นกมากน้อยแค่ไหน เพราะความเป็นกรดของขี้นกเป็นตัวการอย่างหนึ่งในการทำให้สีรถด่างได้ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ แต่ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ให้รีบทำความสะอาดโดยใช้แวกซ์เคลือบสีรถและฟองน้ำแบบละเอียดเข้าช่วยขจัดคราบทันที เพื่อไม่ให้คราบฝังแน่นจนเกิดไปซึ่งจะทำความสะอาดได้ยาก
นอกจากนี้หากคุณต้องจอดทิ้งไว้นาน ๆ ต้องระวังกิ่งไม้ หรือหากเป็นช่วงมรสุม ไม่แนะนำให้จอดใต้ต้นไม้จะดีที่สุด
2. เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องตามที่เขาว่ากันว่า “ดี”
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน หรือทุก ๆ 8,000 – 10,000 กม. เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก่อนจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เจ้าของรถควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถยนต์ของเราเหมาะกับน้ำมันเครื่องแบบไหนกันแน่ อย่าคิดว่ารถทุกคันเป็นแบบเดียวกันหมดหรือไปเลือกใช้ตามที่ใครหลายคนแนะนำว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ เพราะบางครั้งน้ำมันเครื่องที่มีราคาแพงอาจจะไม่ได้เหมาะกับเครื่องยนต์ของรถคุณก็ได้
3. เร่งเครื่องไม่รอจังหวะรถ
หากใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้ คุณต้องหยุดทำอย่างทันที เพราะเป็นการทำร้ายรถที่ร้ายแรงอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ การที่เราเร่งเครื่องโดยไม่รอจังหวะรถ หรือรอบของเครื่องยนต์ การขับรถแบบนี้จะส่งผลให้เครื่องยนต์พังเร็ว เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร
4. มัวแต่ผัดวัน “ประกัน” พรุ่ง
บางคนอาจจะสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับการดูแลรถยนต์ ซึ่งต้องบอกว่าเกี่ยวข้องอย่างยิ่งตรงที่ไม่เฉพาะกับการดูแลรถยนต์ของคุณให้มีสภาพที่ดีและขับขี่ไปได้นาน ๆ ยังเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตของคุณอีกด้วย อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งในทุก ๆ เรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ เช่น การตรวจสภาพรถ การดูแลรักษารถ ทำความสะอาดรถ รวมไปถึงการผัดวัน “ประกัน” รถยนต์ของคุณด้วย เพราะอุบัติเหตุหากเกิดขึ้นแล้วจะไม่คุ้มทั้งรถและชีวิตของคุณอย่างแน่นอน
หากใครที่ยังคงมีความเชื่อทั้ง 4 ข้อนี้อยู่ คุณต้องปรับความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องกันนะครับ เพราะหากยังคงทำแบบนี้ต่อไปก็จะเป็นการทำร้ายรถยนต์ของคุณโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว